เหล่านักเทรดที่ต้องการทำผลกำไรให้ได้ดียิ่งขึ้นต่างต้องการเชี่ยวชาญในความรู้เรื่องการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดความสงสัยเมื่อได้ยินคำว่ากราฟแท่งเทียนอยู่บ่อยครั้ง แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าเจ้าแท่งเทียนนั้นคืออะไร บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจรายละเอียดเชิงลึกของกราฟแท่งเทียนพร้อมทั้งเสนอรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่จะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้แม่นยำและเพิ่มแนวโน้มการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
กราฟแท่งเทียน คืออะไร
กราฟแท่งเทียนเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคทางการเงินที่แสดงข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคารายวันซึ่งแสดงเป็นรูปแบบกราฟิกบนกราฟแท่งเทียน นั่นเท่ากับว่าแท่งเทียนเป็นแผนภูมิทางการเงินประเภทหนึ่งที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาของตราสารอนุพันธ์ หลักทรัพย์ และสกุลเงิน โดยแสดงเป็นแพทเทิร์นที่แตกต่างกันไป รูปแบบกราฟแท่งเทียนโดยทั่วไปแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคา 1 วันเต็ม
สำหรับในปัจจุบันมีรูปแบบแท่งเทียนที่รู้จัก 42 รูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบที่เรียบง่ายและซับซ้อน บทความนี้เน้นที่กราฟรายวัน โดยแต่ละแท่งมีรายละเอียดการซื้อขายในหนึ่งวัน ซึ่งจะมีคุณสมบัติพื้นฐานสามประการ
- แท่งเทียน (body): ซึ่งแสดงถึงช่วงเปิดถึงปิด
- ไส้เทียน (wick): ที่บ่งบอกถึงจุดสูงสุดและต่ำสุดระหว่างวัน
- สี (color): ที่แสดงทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาด หากแท่งเทียนสีเขียว (หรือสีขาว) จะหมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคา ในขณะที่แท่งเทียนสีแดง (หรือสีดำ) แสดงถึงการลดลงของราคา
ประวัติของกราฟแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียนมีต้นกำเนิดในญี่ปุ่นกว่า 100 ปี ก่อนที่ประเทศแถบตะวันตกจะพัฒนากราฟแท่งและจุดและตัวเลข โดยประวัติคือในช่วงทศวรรษที่ 1700 ชายชาวญี่ปุ่นชื่อฮอมมะค้นพบว่า แม้ว่าราคาจะมีความเชื่อมโยงกันระหว่างอุปสงค์และอุปทานของข้าว แต่ตลาดก็ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอารมณ์ของเหล่านักเทรด แท่งเทียนแสดงอารมณ์นั้นโดยการแสดงขนาดของการเคลื่อนไหวของราคาด้วยสีที่ต่างกัน
รูปแบบกราฟแท่งเทียน
โดยทั่วไปมีตลาดอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ ตลาดกระทิง (Bull market) และตลาดหมี (Bear market) ตลาดกระทิงคือเมื่อราคาในตลาดหุ้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น และตลาดหมีคือเมื่อราคาคาดว่าจะลดลง
ในทำนองเดียวกัน รูปแบบแท่งเทียนที่แนะนำว่าแนวโน้มราคาจะสูงขึ้นเรียกว่ากราฟแท่งเทียน bullish และรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งชี้ว่าราคาจะลดลงเรียกว่ากราฟแท่งเทียน bearish
ประเภทของรูปแบบแท่งเทียน
รูปแบบแท่งเทียนจะแสดงการต่อสู้ระหว่างตลาดขาขึ้นและตลาดขาลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่หลากหลาย นักลงทุนควรทำความเข้าใจกับรูปแบบแท่งเทียนพื้นฐานบางประการ
- รูปแบบแท่งเทียนย้อนกลับ (Reverse)แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงโดยรวมในทิศทางของราคาหุ้นในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
- รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง (Continuation) แสดงถึงสถานการณ์เป็นไปได้มากว่าแนวโน้มปัจจุบันจะดำเนินต่อไป และอยู่ตรงข้ามกับรูปแบบย้อนกลับ
- รูปแบบแท่งเทียน bullish อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการซื้อขายระยะยาว และสามารถใช้เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- รูปแบบแท่งเทียน bearish แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นที่มีอยู่กำลังจะย้อนกลับไปยังแนวโน้มขาลง
ประโยชน์ของกราฟแท่งเทียน (Candle Stick)
แม้ว่าจะเป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดหุ้นไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ แต่นักลงทุนก็ต้องสรรหาและใช้กลวิธีที่หลากหลายเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงในตลาดเพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจว่าจะดำเนินการลงทุนหรือเทรดอย่างไร
กราฟแท่งเทียนสามารถให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดและไม่ได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ส่งผลต่อราคาหุ้นเท่าไหร่นัก กราฟแท่งเทียนจึงมีประโยชน์เฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ เช่นการติดตามข่าวเศรษฐกิจรายวัน
วิธีการทำกำไรจากการเทรดด้วยแท่งเทียน
แนวโน้มขาขึ้นของสินทรัพย์ต่าง ๆ คือช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์โดยทั่วไปเพิ่มขึ้น นั่นคือราคาสามารถขยับในขนาดเล็ก แต่โดยทั่วไปจะต้องเพิ่มขึ้นในขนาดใหญ่ เมื่อนักเทรดกำลังพิจารณารูปแบบในกราฟแท่งเทียนใดกราฟหนึ่งเพื่อที่จะทำกำไร พวกเขาต้องแน่ใจในสองสิ่งนี้ก็จะสามารถทำการเทรดที่มีกำไรได้อย่างไม่ใช้เรื่องยาก
- สิ่งที่รูปแบบแสดงให้เห็นกำลังเกิดขึ้นกำลังเกิดขึ้นจริง
- มันจะเกิดขึ้นต่อไปนานพอที่จะคุ้มค่าที่จะทำการเทรด
12 Candlesticks ที่เห็นกันบ่อย
รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (bullish) 6 รูปแบบ
- Hammer
รูปแบบแท่งเทียนรูป Hammer ประกอบด้วยตัวสั้นที่มีไส้เทียนด้านล่างยาว และพบได้ที่ด้านล่างของแนวโน้มขาลง
Hammer แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าจะมีแรงขายในระหว่างวัน แต่ในที่สุดแรงซื้อที่แข็งแกร่งก็ผลักดันให้ราคากลับขึ้นมา สีของแท่งเทียนอาจแตกต่างกันไป แต่ค้อนสีเขียวบ่งชี้ว่าตลาดกระทิงแข็งแกร่งกว่าค้อนแดง
- Inverted hammer
รูปแบบ bullish ในทำนองเดียวกันคือ hammer ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือไส้เทียนด้านบนยาว ส่วนไส้เทียนด้านล่างสั้น บ่งชี้ถึงแรงซื้อ ตามด้วยแรงขายที่ไม่แรงพอที่จะผลักดันราคาตลาด Inverse hammer แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อจะสามารถควบคุมตลาดได้ในไม่ช้า
- Bullish Engulfing
รูปแบบ Bullish Engulfing เกิดจากแท่งเทียนสองแท่ง แท่งเทียนแท่งแรกเป็นแท่งสีแดงสั้นๆ ที่ถูกแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่กว่ากลืนกินจนหมด แม้ว่าวันที่สองจะเปิดต่ำกว่าวันแรก แต่ตลาดกระทิงก็ดันราคาขึ้น ทำให้ผู้ซื้อได้รับชัยชนะอย่างเห็นได้ชัด
- Piercing line
เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่ง ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดงยาว ตามด้วยแท่งเทียนสีเขียวแท่งยาว โดยปกติจะมีช่องว่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนแท่งแรกกับราคาเปิดของแท่งเทียนสีเขียว มันบ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง เนื่องจากราคาถูกผลักขึ้นไปหรือสูงกว่าราคากลางของวันก่อนหน้า
- Morning Star
รูปแบบกราฟแท่งเทียน Morning Star ถือเป็นสัญญาณแห่งความหวังในตลาดขาลง มันเป็นรูปแบบสามแท่ง แท่งเทียนสั้นหนึ่งแท่งระหว่างแท่งยาวสีแดงและแท่งยาวสีเขียว ตามเนื้อผ้า “Star” จะไม่ทับซ้อนกับแท่งที่ยาวกว่า เนื่องจากช่องว่างของตลาดทั้งเปิดและปิด เป็นสัญญาณว่าแรงขายในวันแรกลดลงและตลาดกระทิงอยู่อีกไม่ไกล
- Three white soldiers
Three white soldiers เกิดขึ้นภายในสามวัน ประกอบด้วยแท่งเทียนสีเขียว (หรือสีขาว) ยาวติดต่อกันที่มีไส้เทียนขนาดเล็ก ซึ่งเปิดและปิดสูงกว่าวันก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง มันเป็นสัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่งมากซึ่งเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง และแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อล่วงหน้าที่มั่นคง
รูปแบบแท่งเทียนขาลง (bearish) 6 รูปแบบ
- Hanging man
Hanging man นั้นเปรียบได้กับ Hammer มันมีรูปร่างเหมือนกันแต่รูปแบบที่ปลายขาขึ้น บ่งชี้ว่ามีการเทขายจำนวนมากในระหว่างวัน แต่ผู้ซื้อสามารถดันราคาขึ้นอีกครั้งได้ การเทขายครั้งใหญ่มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าตลาดขาขึ้นกำลังสูญเสียการควบคุมตลาด
- Shooting star
Shooting star มีรูปร่างเหมือนกับ Inverted hammer แต่ก่อตัวขึ้นในช่วงขาขึ้น: มีส่วนล่างที่เล็กและไส้เทียนด้านบนยาว โดยปกติแล้ว ตลาดจะมีช่องว่างที่สูงขึ้นเล็กน้อยในการเปิดและปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดระหว่างวันก่อนที่จะปิดที่ราคาเหนือราคาเปิด
- Bearish engulfing
รูปแบบ Bearish engulfing เกิดขึ้นที่ส่วนท้ายของแนวโน้มขาขึ้น แท่งเทียนแท่งแรกมีแท่งสีเขียวเล็กๆ ที่ถูกกลืนด้วยแท่งเทียนสีแดงแท่งยาวที่ตามมา มันบ่งบอกถึงจุดสูงสุดหรือการชะลอตัวของการเคลื่อนไหวของราคา และเป็นสัญญาณของการชะลอตัวของตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น ยิ่งแท่งเทียนที่สองเคลื่อนต่ำลงเท่าใด แนวโน้มก็จะยิ่งมีนัยสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
- Evening star
เป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งที่เทียบเท่ากับ morning star เกิดจากแท่งเทียนสั้นๆ คั่นกลางระหว่างแท่งเทียนสีเขียวยาวกับแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ มันบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น และจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษเมื่อแท่งเทียนแท่งที่สามลบกำไรของแท่งเทียนแท่งแรก
- Three black crows
รูปแบบแท่งเทียน Three black crows ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดงยาวสามแท่งที่มีไส้เทียนสั้นหรือไม่มีอยู่จริง แต่ละเซสชั่นเปิดในราคาใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า แต่แรงกดดันในการขายผลักดันราคาให้ต่ำลงทุกครั้งที่ปิด นักเทรดตีความรูปแบบนี้เป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงเนื่องจากผู้ขายได้แซงผู้ซื้อในช่วงสามวันทำการติดต่อกัน
- Dark cloud cover
รูปแบบแท่งเทียน Dark cloud cover ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งเทียนสีแดงซึ่งเปิดเหนือตัวสีเขียวก่อนหน้านี้ และปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลาง บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นตลาดขาลง ทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว หากไส้เทียนสั้น แสดงว่าแนวโน้มขาลงนั้นเด็ดขาดมาก
วิธีการอ่าน “สัญญาณจากแท่งเทียนเดี่ยว”
รูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวเกิดจากแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว สัญญาณการซื้อขายถูกสร้างขึ้นตามการซื้อขายใน 1 วัน ซึ่งการเทรดตามรูปแบบแท่งเทียนเดียวนั้นไม่สามารถทำกำไรได้มากนัก รูปแบบเชิงเทียนเดี่ยวบางส่วนคือ
- แท่งเทียน Doji (โดจิ)
เมื่อการเปิดและปิดของตลาดเกือบจะอยู่ที่จุดราคาเดียวกัน แท่งเทียนจะมีลักษณะคล้ายเครื่องหมายกากบาทหรือเครื่องหมายบวก
- แท่งเทียน Shooting star
เกิดขึ้นเมื่อราคาของหลักทรัพย์เปิด เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่แล้วปิดใกล้กับราคาเปิด Shooting star คือรูปแบบแท่งเทียนขาลงที่มีเงาบนยาวและไม่มีเงาล่างเลย
- แท่งเทียน dragonfly doji
dragonfly doji สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากที่ราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลง ราคาเปิด สูง และราคาปิดตรงกัน และราคาต่ำสุดของช่วงเวลานั้นต่ำกว่าสามราคาก่อนหน้าอย่างมาก
- แท่งเทียน Spinning top
โดยตัวของมันเอง Spinning top เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างดี แต่สามารถตีความได้ว่าเป็นสัญญาณของสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากมันบ่งบอกว่าแรงกดดันของตลาดในปัจจุบันกำลังสูญเสียการควบคุม
ทำไมต้องอ่านกราฟแท่งเทียน
แท่งเทียนแต่ละแท่งจะสร้างรูปแบบที่นักเทรดสามารถใช้เพื่อรับรู้แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ มีรูปแบบแท่งเทียนจำนวนมากที่บ่งชี้ถึงโอกาสในตลาดและบางรูปแบบให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างแรงกดดันในการซื้อและการขาย ในขณะที่รูปแบบอื่นระบุรูปแบบต่อเนื่องหรือความไม่มั่นคงและไม่ชัดเจนของตลาด
สรุป
ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขาย สิ่งสำคัญคือต้องทำความคุ้นเคยกับพื้นฐานของรูปแบบแท่งเทียนและวิธีที่กราฟแท่งเทียนสามารถแนะแนวทางการตัดสินใจของคุณ อย่างไรก็ตามนักเทรดสามารถใช้กราฟแท่งเทียนในการตัดสินใจซื้อขายตามรูปแบบที่เกิดขึ้นเป็นประจำซึ่งช่วยคาดการณ์ทิศทางระยะสั้นของราคา